แลมพาร์ดคนที่12!

แลมพาร์ดคนที่12!

แลมพาร์ดคนที่12! เปิดชะตากรรมกุนซือเชลซีภายใต้เงาเสี่ยหมี

แลมพาร์ดคนที่12! แยกทาง,ถูกเชือด,รอดตาย มาดูชะตากรรม 12 กุนซือ “สิงห์บลูส์” เชลซี ว่าแต่ละราย มีจุดจบกับทีมเป็นอย่างไร ภายใต้เจ้าของทีมที่ชื่อ โรมัน อับราโมวิช

แลมพาร์ดคนที่12!

แลมพาร์ดคนที่12!  หลังจาก “เสี่ยหมี” โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เข้ายึดครอง เชลซี เมื่อ17 ปีก่อน ภายใต้อำนาจที่เขามีตั้งแต่ปี2003 เขาได้ใช้กุนซือมากมายเข้ามาดูแลทีมของเขากว่า 12 คน

และล่าสุดหลังผ่านไป 18 เดือนนับจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นบอสคนที่ 12 ของ อับราโมวิช  แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นคนล่าสุด ที่รู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย

ขณะที่ แลมพาร์ด ทำได้เยี่ยมกับการบริหารทีมเยาวชนเชลซี ก่อนถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ดูแลทีมชุดใหญ่ ภายใต้การเสริมทัพอย่างมหาศาล เมื่อช่วงปิดตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ก่อนต้องตกอยู่ในชะตากรรมที่แสนเจ็บปวดในเวลาต่อมา

แม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะ ลูตัน ใเกมเอฟเอคัพเมื่อสุดสัปดาห์ แต่การพ่ายแพ้ในพรีเมียร์ลีกของเชลซี ต่อ เลสเตอร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ สิงห์บลูส์ อยู่ในอันดับที่เก้าของตาราง ซึ่งไม่น่าใช่จุดที่ อับราโมวิช ต้องการเท่าไหร่นัก

ทำไม?มหาเศรษฐี เจ้าของทีมผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ถึงได้ใช้คนเข้ามาดูแลทีมของเขาได้มากถึงเพียงนี้

นี่คือบทสรุปของสิ่งที่เกิดขึ้นกับกุนซือทั้ง 12 คนของเขา (ไม่รวมรักษาการณ์) นับตั้งแต่เขามาถึงอังกฤษในปี 2003 โดยมีสองคน ที่ทำงานกับดขาสองครั้ง

พวกเขาแยกทางกัน? ถูกเชือด? หรือพวกเขารอด? มาดูชะตากรรมของแต่ละคนกัน

เคลาดิโอ รานิเอรี่ (2003-04) – ถูกเชือด

    กุนซือชาวอิตาเลียนครองบัลลังก์คุมสิงห์อย่างสง่างามอยู่หนึ่งปี ในเวลาที่ อับราโมวิช กำลังทำความคุ้นเคยกับฟุตบอลอังกฤษ และเขาก็ตอบแทนเจ้านายคนใหม่ของเขา ด้วยการจบอันดับที่สอ งและผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของแชมเปี้ยนส์ลีก

แต่เขารู้ดีว่าเขาอยู่ในโลกของอบราโมวิชได้ไม่นาน และด้วยความที่เจ้าของชาวรัสเซียรู้สึกได้ว่าต้องการเจ้านายคนใหม่ของทีม รานิเอรีผู้สง่างามจึงอำลาทีมไป

ก่อนเขาจะมาแก้แค้น และโชว์ฝีมือให้เห็นกับฟุตบอลอังกฤษในอีก 12 ปีต่อมา ด้วยการพา เลสเตอร์ ผงาดแชมป์

โชเซ่ มูรินโญ่ (2004-07) – แยกทาง

    ไม่ว่าความอยุติธรรมของการเลิกจ้าง รานิเอเรี่ จะเป็นอย่างไร คุณไม่สามารถโต้แย้งกับผลลัพธ์ที่ได้จากผู้สืบทอดของเขาได้รับ

โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาในสแตมฟอร์ดบริดจ์ และเริ่มการปฏิวัติกับทีม ทีมที่รวมนักเตะราคาแพงไว้ในทีมของเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และเป็นรองแชมป์เอฟเอและลีกคัพในปี 2006/07

แต่ดูเหมือนว่า สิงห์บลูส์ จะไม่มีวันหยุดเขาไว้ได้ หลังจากการเริ่มซีซั่นในปี 2007/08 ได้ไไม่นาน กุนซือชาวโปรตุเกส ก็ขอลาทีมด้วยเหตุผล  “ยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย” ในเดือนกันยายน 2007

ซึ่งดูแล้วมันน่าจะเป็นความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันมากกว่า

อัฟราม แกรนท์  (2007-08) – ถูกเชือด

    การก้าวเข้ามาในสานต่องานของ มูรินโญ่ ในช่วงที่เหลือของฤดูกาล หลัง อัฟราม แกรนท์ ซึ่งตอนนั้นทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสร

กุนซือชาวอิสราเอล คุมฤดูกาลที่แข็งแกร่ง ซึ่งจบลงด้วยการเตะจุดโทษพลาดของ จอห์น เทอร์รี่ และพลาดการเป็นแชมป์ยุโรป

แกรนท์ ไม่ค่อยเหมาะกับโปรไฟล์ของกุนซือทีมเชลซี และแม้จะเป็นเพื่อนสนิทของอับราโมวิช แต่ก็โดนขวานจามเข้าไปเต็มๆในช่วงฤดูร้อนปี 2008 ก่อนที่เขาจะปฏิเสธโอกาสที่จะกลับไปรับบทเดิมก็ตาม

หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่  (2008-09) – ถูกเชือด

    ชายผู้พาบราซิลเป็นแชมป์โลก เริ่มต้นอย่างรวดเร็วที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยชนะ 10 เกมจาก 13 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก โดยแพ้ ลิเวอร์พูล เพียงเกมเดียวในบ้าน

แต่เมื่อถึงเวลาที่ สิงห์บลูส์ พ่ายให้กับ หงส์แดง อีกครั้งในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2009 พวกเขาชนะเพียง 4 ใน 11 ในลีก ต่อด้วยความล้มเหลวในแชมเปี้ยนส์ลีก ขวานด้ามเดิมก็ฟันฉับ หลังจากทำงานไปเพียงเจ็ดเดือน หลังจากที่เขาพา เชลซี
เสมอกับ ฮัลล์ในเกมต่อมา

กุส ฮิดดิงค์ (2009) – รอดชีวิต

    เรย์ วิลกินส์ มีหนึ่งเกมในฐานะรักษาการณ์ แต่ อับราโมวิช รู้สึกว่าสโมสรต้องการประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่มากขึ้น นั่นเป็นเหตุให้ กุส ฮิดดิงก์ เดินทางเข้าสู่ทีม

    เขาชนะ 11 เกมจาก 13 เกมในพรีเมียร์ลีก และคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ด้วยการเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ในรอบชิงชนะเลิศ ก่อนที่จะออกไปชมพระอาทิตย์ตก ด้วยการหมดสัญญาคุมทีมช่วงหมดซีซั่น

คาร์โล อันเชลอตติ (2009-11) – ถูกเชือด

    แม้ว่าจะมีการพยายามตามหากุนซือบิ๊กเนมในช่วงนั้น แต่หลังจาก คาร์โล อันเชล็อตติ จบแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการพา เอซี มิลาน เป็นแชมป์ เขาก็ขอสิ้นสุดชีวิตแปดปีที่มิลาน ก่อนโค้ชชาวอิตาเลียนจะถูกชักชวนมาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเวลาต่อมา

ถึงจะไม่มีการเซ็นสัญญาแข้งดังในช่วงซัมเมอร์ แต่ด้านที่ยอดเยี่ยมของ อันเชล็อตติ ก็จบลงด้วยการคว้าแชมป์ลีก และสองฟุตบอลถ้วย โดยทำประตูได้ถึง 103 ประตูเพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

แต่หลังจากความล้มเหลวในรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก และการจบอันดับสองในลีก อันเชล็อตติ ก็ถูกไล่ออกในอุโมงค์กูดิสัน พาร์ค หลังจากเกมสุดท้ายของฤดูกาล

 อังเดร วิลลาส-โบอาส (2011-12) – ถูกเชือด

    นี่เป็นการกระโดดเข้าสู่โลกใหม่ที่กล้าหาญของ เอวีบี ที่เหมือน มูรินโญ่ ในช่วงฤดูร้อนปี 2011 ขณะที่ อับราโมวิช พยายามที่จะเดินหน้าต่อไป กับคนที่ทำให้เขานึกถึงอดีต

แต่มันไม่ได้ผล วิลลาส โบอาส แพ้ 10 นัดจากทั้งหมด 40 นัด และถูกไล่ออกในเดือนมีนาคม 2012

โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ (2012) – ถูกเชือด

    แม้จะมีประสบการณ์ด้านการทำทีมที่จำกัด แต่ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ผู้ช่วยของ เอวีบี ก็เข้ามารับตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2012 จากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้น

ดิ มัตเตโอ คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ด้วยการเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ จากนั้นเชลซีคว้าถ้วยยุโรป / แชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อพวกเขาเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิก ในสนามหลังบ้านของพวกเขาเอง

แม้ว่าจะต้องการกุนซือที่บิ๊กเนมกว่านี้ แต่อับราโมวิชก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากให้สัญญาถาวรกับดิ มัตเตโอ ในช่วงซัมเมอร์นั้น หลังจากประสบความสำเร็จ

แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด เขาถูกไล่ออกในเดือนพฤศจิกายน หลังจากตกรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ลีก

ราฟาเอล เบนิเตซ (2012-13) – รอดชีวิต 

    จากนั้น ราฟาเอล เบนิเตซ ก็ถูกนำเข้ามาจนจบฤดูกาล ท่ามกลางการประท้วงของแฟนบอลต่อเขา ที่ไม่ชอบเพราะเขา เนื่องจากช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่ลิเวอร์พูล ทั้งสองทีมมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงมาก แต่ เบนิเตซ ก็คว้าแชมป์ยูโรป้าลีก และนำ
สโมสรกลับเข้าสู่แชมเปี้ยนส์ลีก แต่แม้ว่า เสี่ยหมี อยากให้เขาอยู่

แต่กุนซือชาวสเปน ก็เลือกที่จะเดินออกไป โดยที่ชื่อเสียงของเขายังคงอยู่

โชเซ่ มูรินโญ่ (2013-15) – ถูกเชือด

    อับราโมวิชต้องการให้แฟน ๆ กลับมาอีกครั้ง เชลซีของมูรินโญ่เ ดินหน้าสู่ตำแหน่งแชมป์ 2014/15 แม้จะไม่ใช่ในรูปแบบที่ทรงพลังเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน แต่จากนั้นก็เข้าสู่ลูปเดิม ทีมผลงานร่วงลงในฤดูกาลถัดไป

สิงห์บลูส์ แพ้เก้าเกมในพรีเมียร์ลีก 16 เกมแรก ในฤดูกาลหายนะเพื่อเอาตัวรอดจากโซนตกชั้น และยิ่ง มูรินโญ่ ออกมากล่าวหาว่าผู้เล่นของเขาเป็นพวกทรยศหลัง ทำให้สถานการณ์ทีมวุ่น จากเอาชนะเลสเตอร์ไป 2-1 ในที่สุดก็มีทางเดียวเท่านั้น ก็
คือเชือดเขาซะ

กุส ฮิดดิงค์ (2015-16) – รอดชีวิต

    หลังมีการแบ่งทีม และเกิดการกบฏลูกหนังขึ้นมามากมาย ถึงเวลาแล้วที่อับราโมวิช จะต้องส่งลุงกุส เข้ามากอบกู้

ด้วยการใช้กลยุทธ์การปฏิวัติไม่ได้ขึ้นอยู่กับ โชเซ่ มูรินโญ่ ทำให้ ฮิดดิงค์ พา เชลซี บุกไปเยือน 15 เกมในพรีเมียร์ลีก ก่อนทีมรอดอยู่กลางตาราง ก่อนที่เขาจะอำลาทีมไปเองอีกครั้ง

อันโตนิโอ คอนเต้ (2016-18) – ถูกเชือด

    เข้าสู่ยุค อันโตนิโอ คอนเต้ กับระบบใช้กองหลังสามคนของเขา ก็พา สิงห์บลูส์ ไปสู่ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

มันดูราวกับว่าเขาไม่มีอะไรที่ทำอะไรผิดพลาด จนกระทั่ง –  แมนเชสเตอร์ ซิตี้  คว้าแชมป์ลีกในปี 2017/18

หลังจากนั้นเขาไม่สามารถพาทีมกลับมาได้อีก และการตกรอบจากแชมเปี้ยนส์ลีก ยิ่งทำให้ความไม่ไว้วางใจเพิ่มขึ้นจากทีมของเขา ก่อนในที่สุดเขาก็ไปไม่รอด

เมาริซิโอ ซาร์รี่ (2018-19) – ถูกเชือด

    เมาริซิโอ ซาร์รี่ และ “ซาร์รี่บอล” เคยมอบความสุข และนำพา นาโปลี ทีมเก่าของเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในกัลโช่ เซเรีย อา

แต่ปัญหาเกี่ยวกับคำพูดของเขา สามารถทำให้เกิดการต่อต้านคุณได้อย่างรวดเร็ว เมื่อผลลัพธ์ไม่ดี และเมื่อรวมกับการสูบบุหรี่ของซาร์รี่ บุคลิกที่ค่อนข้างห้าว ได้สร้างบรรยากาศแปลก ๆ ซึ่งหันไปสู่จุดจบในฤดูกาลเดียวของเขากับทีม

แฟรงค์ แลมพาร์ด (2019-21) – ถูกเชือด

    ในขณะที่ดูเหมือนว่านี่เป็นโลกใหม่ที่กล้าหาญสำหรับเชลซีของอับราโมวิช และทุกคนบอลโลกที่เฝ้าติดตามทีมมา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการแต่งตั้ง แลมพาร์ด ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารทีมหนึ่งฤดูกาลที่ดาร์บี้นั้น ทำหน้าที่ลดทั้งความคาดหวังและความกดดันต่อสิงห์บลูส์ไม่น้อย แม้ว่านั่นอาจเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด จากการดำเนินการในช่วงที่ทีมโดน
แบบในตลาดซื้อขายก็ตาม

แต่เมื่อมีการจ่ายเงินอันแสนแพงในช่วงฤดูร้อน ไปกับ ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวตซ์ นั่นก็หมายความว่า ทุกคนก็ภุ่งเป้าไปที่ตัวเขาทันที แต่เมื่อลงทุนขนาดนี้ และทีมยังอยู่อันดับ 9 ของตารางคะแนน หลังจบปีใหม่ ทำให้ตำนานของทีมต้องจบลง
ด้วยประการฉะนี้

 

  • ติดตามทุกข่าวสารของวงการกีฬาที่นี่   snapufabet.com
  • ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก www.siamsport.co.th